ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีในการบรรจุภัณฑ์ปัจจุบันจะก้าวล้ำไปเพียงใดก็ตาม หลายๆบริษัท หลายๆอุตสาหกรรมก็ยังคงนิยมที่จะใช้เทปกาวในการปิดฝากล่องอยู่ดี แต่ด้วยปัจจัยที่เกี่ยวข้อหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ สถานที่จัดเก็บ เนื้อวัสดุ หรือจุดประสงค์ในการใช้งานล้วนเป็นสิงที่สามารถส่งผลกระทบต่อเจ้า “เทปกาว” นี่ได้ไม่มากก็น้อย ทำให้ในบางครั้งเราจึงเลือกเทปกาวที่นำมาใช้ได้ไม่เหมาะสมกับงานจบก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้นั่นเอง ดังนั้นวันนี้เราจะขอนำเสนอ 7 ข้อที่ผู้ใช้เทปมักผิดพลาดและควรหลีกเลี่ยง เพื่ออย่างน้อยคุณก็จะสามารถรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทและรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นไม่มากก็น้อย
- ไม่พิจารณาตัวเลือกอื่นๆ
ตัวเลือกนั้นขึ้นอยู่กับงานที่เรากำลังจะทำ หากเราต้องการที่จะลดเวลาและค่าใช้จ่ายลง โดยที่สินค้าของเราเป็นสินค้าที่มีการผลิตต่อเนื่อง มีการจัดส่ง/ผลิตของเป็นจำนวนมากๆต่อวัน หรือเราต้องการบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักมากๆ กาว Hot Melt อาจเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากเราสามารถลดระยะเวลาในการติดกาวได้ด้วยระบบอัตโนมัติที่ Speed สูงกว่า อีกทั้งใช้ปริมาณกาวน้อย (น้อยกว่าปริมาณเทปที่ต้องติด) ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้ และกาว Hot Melt สามารถรับน้ำหนักของชิ้นงานได้มากกว่าเทปกาวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากสินค้าของเราเป็นลักษณะอื่นนอกเหนือจากนี้ เราอาจเลือกใช้เป็นกาว Epoxy, กาวร้อน (Super Glue) หรือกาวน้ำ เพื่อมาทดแทนเทปกาวของเราก็ได้
- ใช้เทปผิดประเภท
เทปแต่ละชนิดมีการออกแบบมาเพื่อใช้งานแต่ละอย่างที่ไม่เหมือนกัน คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เราไม่สามารถเอาเทปพันท่อน้ำไปพันสายไฟได้ ดังนั้น เทปสำหรับงานบรรจุภัณฑ์ก็เช่นกัน จะต้องดูชนิดของวัสดุและความแข็งแรงของการยึดติดที่เราต้องการให้ดี มิเช่นนั้นอาจจะพบกับปัญหาในภายหลังได้
- ติดเทปบนพื้นผิวที่สกปรก
“เทปกาวจะไม่สามารถยึดติดได้บนพื้นผิวที่มีฝุ่น สิ่งสงปรกหรือน้ำมันได้” อีกทั้ง เทปกาวบางชนิดไม่สามารถติดได้ดีบนชิ้นงานที่เย็น ร้อน หรือชื้น รวมไปถึงกระดาษที่มีรูพรุนเยอะๆได้
- ใช้เทปกาวเก่า
การนำของเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ให้หมดนั้น บางครั้งก็อาจเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องไม่ดี สำหรับเทปกาวก็เช่นกัน เทปกาวนั้นมีอายุการใช้งานเช่นกัน โดยอายุการใช้งานนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดเก็บ หากมีการจัดเก็บที่ดี ไม่โดนแสงแดดหรือโดนอุณหภูมิที่สูงเกินไป เทปกาวโดยส่วนมากจะมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยที่หนึ่งปี แต่หากจัดเก็บไม่เหมาะสม อายุการใช้งานก็จะลดลงไปตามลำดับและก่อนการใช้งาน ควรมีการตรวจสภาพทุกครั้ง
- เลือกความเหนียวผิดระดับ
เทปกาวที่มีขายในตลาด จะมีความเหนียวให้เลือกหลายระดับตามชนิดของเทปขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา เช่น หากเราต้องการใช้งานปูพรม เราควรเลือกใช้เทปที่มีความเหนียวสูงๆ แต่หากเป็นงานที่เราต้องการติดชั่วคราว เช่นการติดป้านราคาบนกระจก หาเราใช้กาวที่มีความเหนียวสูงก็จะมีการทิ้งคราบไว้บนกระจกและล้างทำความสะอาดออกยาก ดังนั้น เราจึ้งต้องเลือกใช้เทปที่มีความเหนียวต่ำๆนั่นเอง
- ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์
สำหรับผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ต้องการรักษาความสวยงามและความเรียบร้อยของชิ้นงาน การติดเทปขนาดใหญ่และปริมาณมากๆอาจก่อให้เกิดรอยย่นและคราบสกปรกที่อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของชิ้นงานได้ อีกทั้งบางครั้งเรายังมีการติดซ้อนกันสองครั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล่อง แต่กลับกลายเป็นว่า กล่องนั้นแกะยากเกินไป ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกหน่ายใจอีกต่างหาก ดังนั้น การใช้กาว Hot Melt จึกเป็นอีกทางเลือกที่ดี เนื่องจากให้ความแข็งแรงที่สูงและชิ้นงานดูเรียบร้อยกว่าอีกด้วย
- ใช้เทปกาวกับสภาพแวดล้อมที่สุดโต่ง
สภาพแวดล้อมสุดโต่ง เช่น หิมะตก อุณหภูมิ -10oC หรืออยู่ท่ามกลางแดดร้อนๆ อุณหภูมิกว่า 60oC สภาพแวดล้อมสองแบบนนี้จะส่งผลกระทบกับเทปอย่างไรได้บ้าง?
ในสภาพที่อุณหภูมิต่ำมากๆเย็นมากๆนั้น กาวบนเทปอาจแข็งตัว ทำให้การยึดติดน้อยลงและหลุดร่อนออกในท้ายที่สุด ส่วนในสภาพที่อุณหภูมิสูงมากๆร้อนมากๆนั้น จะได้ผลที่ตรงกันข้าม กาวบนเทปอาจอ่อนตัวและละลาย ทำให้ชิ้นงานไหลหลุดออกจากจุดเดิมได้
ไม่ว่าในปัจจุบัน บริษัทของคุณจะกำลังใช้เทปกาวชนิดใดอยู่ก็ตาม อย่าลืมกลับไปพิจารณาประเด็นต่างๆทั้ง 7 ข้อนี้ด้วย เพราะบางครั้ง เรื่องเล็กๆเช่น การติดของเทปกาว อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อภาพลักษณ์บริษัทของคุณก็เป็นได้