จากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมานั้น หลายๆคนอาจจะเกิดคำถามว่า เมื่อคนเดินทางไปทำงานได้ลำบาก และการใช้ทรัพยากรมนุษย์จำนวนมาก ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อมายิ่งขึ้น วันนี้เราจึงขอมาคุยกันในเรื่องที่อาจจะพูดได้ว่า ตอบโจทย์การทำงานของภาคอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้นี้กัน ซึ่งก็คือ การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต จะเรียกได้ว่า เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงหลังๆมานี้เลยก็ว่าได้

1. บริษัทขนาดกลางเริ่มมีการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในอัตราที่รวดเร็วขึ้น

หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ๆในการพัฒนาคือค่าใช้จ่ายในการนำไปใช้ที่สูงมาก จึงทำให้บริษัทขนาดกลางถึงเล็กส่วนใหญ่ไม่ตัดสินใจที่จะลงทุนในส่วนนี้

แต่จากสถานการณ์โรคระบาดในช่วงปี 2020 ถึง 2021 มานี้ ทำให้บริษัทขนาดกล่างต่างๆหันมาพิจารณาการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้กันอีกครั้งนึง และตัดสินใจที่จะลงทุนในระบบ RaaS (ดูหัวข้อที่ 4) ซึ่งใช้ต้นทุนในการเริ่มต้นน้อยกว่า

2. หุ่นยนต์กำลังเข้ามามีบทบาทในขั้นตอนการทำงานที่ซักซ้อนอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

แต่เดิมนั้น จะมีขั้นตอนส่วนงานหรือการทำงานบางอย่างที่มีความซับซ้อนเกินกว่าขีดจำกัดหุ่นยนต์หรือระบบเดิมๆจะสามารถทำงานได้ แต่เมื่อมีการเกิดขึ้นของ Cobot (มาจาก Collaborative Robots คือ หุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างใกล้ชิด) จึงทำให้สามารถแก้ปัญหาและนำหุ่นยนต์มาใช้งานในงานส่วนนั้นๆได้

3. การบรรจบกันของเทคโนโลยีต่างๆกำลังเพิ่มขีดจำกัดและความฉลาดของเครื่องจักรต่างๆ

หุ่นยนต์แบบเดิมๆนั้น ถูกออกแบบมาให้ทำงานเฉพาะงานที่ทำซ้ำๆในขั้นตอนการผลิต โดยหุ่นยนต์เหล่านี้จะไม่ได้ถูกออกแบบให้เกิดการเรียนรู้ ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นคือ การพัฒนาให้หุ่นยนต์มีความสามารถมาก ความคล่องแคล่ว และอิสระมากขึ้น

4. Robots-as-a-Service (RaaS) กำลังเป็นโมเดลธุรกิจที่แพร่หลายมากขึ้น

ข้อจำกัดเดิมๆของธุรกิจขนาดกลางถึงเล็กในการนำหุ่นยนต์มาใช้คือ ต้นทุนเริ่มต้นนั้น สูงมาก แต่เมื่อมีโมเดลธุรกิจ RaaS ซึ่งให้บริการหุ่นยนต์แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้งานในราคาค่าใช้เริ่มต้นที่ต่ำ จ่ายเพียงเท่าที่ต้องการใช้ ทำให้บริษัทขนาดกลางต่างๆเห็นว่าไม่มีความเสี่ยงในการลงทุน และหันมาใช้กันมากขึ้น จึงเริ่มแพร่หลายในเวลาต่อมา

5. ตำแหน่งงานใหม่ๆและงานที่ใช้สกิลในการทำงานมากขึ้นกำลังทะยอยเกิดขึ้น

หนึ่งในข้อดีของการมีหุ่นยนต์เข้ามาช่วยคือ งานที่สกปรก น่าเบื่อ และอันตรายจะลดลง แต่ก็ทำให้ตำแหน่งงานที่ทำงานต่างๆเหล่านี้ลดลงไป แต่ในขณะเดียวกันก็มีตำแหน่งงานใหม่ๆเกิดขึ้นเพิ่มเรื่อยๆ โดยตำแหน่งงานเหล่านี้ เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะที่สูงขึ้น ให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และในบางกรณี งานเหล่านี้มีชั่วโมงการทำงานที่ลดลง ทำให้พนักงานมีเวลาในการพักผ่อนและใช้ชีวิตมากขึ้น

ดังนั้น ความท้าทายที่จะเกิดขึ้นต่อไป คือ ทำยังไงที่จะอบรมพนักงานและเพิ่มขีดความสามรถของพนักงานให้ตอบสนองต่อการพัฒนาของเครื่องจักรได้ทัน

6. การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลกำลังเติบโต

การนำหุ่นยนต์และระบบเข้ามาใช้ ทำให้เกิดข้อมูลสถิติต่างๆให้เราติดตามและบริหารกระบวนการผลิต เมื่อมีข้อมูลสถิติต่างๆเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้งานในสายบริการต่างๆสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น